คำว่า “ทาสแมว” ที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่มีความชื่นชอบน้องแมวจนยอมตกเป็นทาสนั้นไม่ใช่คำที่ดูเกินจริงไปเลย เพราะมนุษย์ทาสหลายคนในปัจจุบันนี้ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานและเอาเงินเดือนที่ได้มาปรนเปรอความสุขของเจ้าเหมียวสุดที่รักมากซะยิ่งกว่าปรนเปรอความสุขของตัวเองซะอีก และคงมีอีกหลายคนแน่ๆ ที่มักออกปากบ่นว่าค่าเลี้ยงดูเจ้าเหมียวนั้นแสนแพง แต่ก็ยังไม่หยุดเลี้ยงหรือตัดใจปล่อยให้คนอื่นเอาไปเลี้ยงแทนได้ง่ายๆ นั่นเพราะเราได้กลายเป็นทาสรัก(แมว)โดยสมบูรณ์แล้วนั่นเอง
จากงานวิจัยพบว่ามนุษย์กับแมวนั้นมีความสัมพันธ์กันมานับพันๆ ปี โดยที่ความสัมพันธ์เป็นไปในรูปแบบของการพึ่งพากันมากกว่าที่มนุษย์เป็นฝ่ายจับเจ้าเหมียวมาขังกรงเป็นสัตว์เลี้ยงเหมือนกับสัตว์ชนิดอื่นๆ นั้นเพราะในยุคที่มนุษย์เริ่มทำการเกษตรและมีการเก็บเมล็ดพันธุ์ สิ่งที่ตามมาคือปัญหาการกัดแทะของบรรดาหนูต่างๆ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ เคลาดิโอ ออตโตนี หนึ่งในขณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยเลอเวิน ประเทศเบลเยียม กล่าวว่า “นี่อาจเป็นความสัมพันธ์แรกๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และสัตว์ตระกูลแมวเลยทีเดียว”
นอกจากนี้นักวิจัยยังพบอีกด้วยว่าแมวป่าที่พัฒนามาเป็นแมวเลี้ยงในปัจจุบันยังคงมีดีเอ็นเอที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ยกเว้นเพียงดีเอ็นเอที่ควบคุมลวดลายที่กลายมาเป็นลายแท็บบี้และแพร่กระจายไปทั่วโลกจากการนำขึ้นติดเรือให้ช่วยกำจัดหนูนั่นเอง
เช่นนั้นแล้วนี่อาจจะเป็นบทสรุปความสัมพันธ์ของมนุษย์และแมวที่ว่าทำไมพวกมันไม่เคยลดความหยิ่งทะนงของพวกมันเลย มันเลือกที่จะเข้าหามนุษย์ทาสแมวตามความพึงพอใจของตัวเองมากกว่าที่จะทำตามคำสั่ง และเพราะการอยู่ร่วมกลมกลืนในสังคมจนมันรับรู้ได้ว่ามนุษย์ง่ายดายที่จะกลายมาเป็นทาสแมว เพราะแบบนั้นการออดอ้อนเล็กๆ น้อยๆ หรือการยินยอมให้สัมผัสขนนุ่มเป็นครั้งคราวก็สามารถตกให้มนุษย์กลายเป็นทาสแมวได้แล้วนั่นเอง