เช็คอาการน้องแมวกำลังป่วยเป็น ฮีทสโตรกแมว อยู่หรือไม่?
โรคยอดฮิตของน้องแมวในช่วงหน้าร้อนที่อากาศยิ่งทวีความร้อนแรง นั่นคือ “โรคฮีทสโตรก” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “โรคลมแดด” ซึ่งสาเหตุสำคัญคืออุณหภูมิที่ร้อนจัดจนร่างกายน้องแมวไม่สามารถระบายออกได้ทัน และความร้อนนี้ก็ไม่ได้มีแค่แดดที่เป็นตัวการหลักด้วย
ฮีทสโตรกเป็นโรคที่เสี่ยงเกิดในน้องแมวสายพันธุ์นอก โดยเฉพาะน้องแมวที่มาจากเมืองหนาว เนื่องจากแมวสายพันธุ์เหล่านี้มีวิวัฒนาการที่พัฒนามาให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่มีความเย็นจนถึงหนาวจัด เมื่อน้องๆ สายพันธุ์เหล่านี้มาได้รับความนิยมเลี้ยงในบ้านเราทำให้ความใส่ใจต้องเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถึงแบบนั้นก็ใช่ว่าแมวท้องถิ่นของบ้านเราจะไม่เสี่ยงเกิดเป็นโรคนี้ เพียงแต่ว่าโอกาสเสี่ยงจะมีน้อยกว่าเพราะสภาพร่างกายที่พัฒนาให้เหมาะกับสภาพอากาศอยู่บ้างแล้ว แต่การตากแดดเป็นเวลานานๆ หรือการถูกลืมทิ้งเอาไว้ในรถที่จอดสนิทเป็นเวลานาน หรือน้องแมวมีความอ้วนมากเกินไป หรือสถานที่ที่น้องแมวอยู่อากาศไม่ถ่ายเทเหล่านี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้น้องแมวมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

อาการที่เหล่าทาสแมวควรสังเกตเพื่อที่จะได้รู้เท่าทันโรค ฮีทสโตรกแมว นั่นคือ…
น้องแมวจะเริ่มมี อุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจรวมถึงการหายใจเร็วขึ้น แต่ชีพจรจะเต้น อ่อนลง และมีเหงื่อออกมาก แต่หากอาการรุนแรงขึ้นน้องจะไม่มีเหงื่อ น้ำลายไหล เกิดอาการกระวนกระวายหาที่เย็นๆ ไปซุกตัวนอน อุณหภูมิร่างกายเกิน 40.5 องศาเซลเซียส หายใจหอบ ซึม ทรงตัวไม่อยู่ หายใจไม่เป็นจังหวะ อาจถึงขั้นชักและเสียชีวิตสูง เพราะแบบนั้นทาสแมวจำเป็นต้องรู้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อน้องแมวมีอาการเข้าข่ายเป็นฮีทสโตรก
- ทำบ้านให้ถ่ายเท เปิดพัดลมให้น้องแต่ไม่ควรเปิดจ่อใกล้และกดส่ายไปมา ในบ้านที่มีแอร์ห้ามเอาน้องเข้าห้องแอร์เด็ดขาด! เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนกะทันหันจะทำให้น้องช็อกได้
- ค่อยๆ ให้น้องจิบน้ำอุณหภูมิปกติ ห้ามน้ำเย็นเด็ดขาด
- ช่วยระบายความร้อนด้วยผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติ ห้ามใช้ผ้าเปียกห่อตัวไว้เด็ดขาด
- นำส่งโรงพยาบาลหรือคลินิกสัตว์ เพื่อให้สัตวแพทย์ได้วินิจฉัยและหาทางช่วยต่อไป
อากาศร้อนไม่ใช่เรื่องที่เราควรมองข้ามสำหรับคนรักแมว เพราะร่างกายของน้องมีกลไลการระบายความร้อนที่น้อยมากกว่ามนุษย์ทาสอย่างเราๆ เพราะแบบนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับน้องแมวแม้เป็นสัตว์ที่มีความอดทนสูงย่อมเสี่ยงและอันตรายมากกว่าเรา เช่นนั้นเหล่าทาสจึงควรดูแลเรื่องสภาพแวดล้อมให้โปร่งระบายอากาศได้ดี เปิดพัดลมส่ายช่วยไล่ไอร้อนออกจากบ้าน ไม่ปล่อยให้น้องอยู่ในรถที่ไม่มีคนอยู่ รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์คลายร้อนต่างๆ เช่น ที่นอนเจลเย็น โอ่งดินเผา หรือขวดน้ำเย็นหุ้มผ้าตั้งในจุดที่น้องชอบนอน และสำหรับแมวสายพันธุ์เมืองหนาวควรให้อยู่ในห้องแอร์ตลอดเป็นดีที่สุด เพียงเท่านี้น้องก็จะสามารถผ่านสภาพอากาศร้อนจัดและปลอดภัยจากโรคฮีทสโตรกมากขึ้นแล้ว