ท้องเสียในแมว โรคธรรมดาๆ แต่ถ้าพลาดก็ถึงตายได้
ท้องเสียในแมวไม่ใช่โรคที่แตกต่างจากที่เกิดในคนสักเท่าไหร่ เพราะสาเหตุเกิดได้ตั้งแต่อาหารเป็นพิษ การปรับเปลี่ยนอาหารกะทันหัน ตลอดจนความผิดปกติของระบบลำไส้ของน้องแมว ซึ่งในบางครั้งน้องสามารถหายได้เองภายใต้กลไกของทำงานของร่างกาย แต่หากสูญเสียน้ำเป็นเวลานานก็อาจทำให้น้องช็อคและถึงแก่ชีวิตได้ เพราะแบบนั้นวันนี้เราจึงควรทำความเข้าใจกับโรคนี้
ท้องเสียในแมวแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน นั่นคือ
- อาการท้องเสียฉับพลัน ซึ่งเป็นอาการท้องเสียที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อาจเกิดจากการกินอาหารเป็นพิษ การได้รับอาหารใหม่โดยทันที ติดเชื้อบางอย่าง หรือแม้แต่ความเครียดก็ส่งผลให้น้องแมวมีอาการท้องเสียฉับพลันได้เช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการถ่ายเหลว สีอุจจาระมีสีแดงหรือดำผิดปกติ อาจเกิดจากการมีเลือดปนมากับในอุจจาระเนื่องจากลำไส้เกิดบาดแผลขึ้น ควรรีบนำน้องไปพบสัตวแพทย์ทันที
- อาการท้องเสียเรื้อรัง เป็นอาการป่วยที่กินระยะเวลานาน ในแมวโตจะมีอัตราการตายที่ต่ำ แต่ในแมวเล็กอาจตายเนื่องจากภาวะขาดน้ำได้ สาเหตุของอาการโรคมีตั้งแต่การได้รับเชื้อแบคทีเรียพวก Salmonella หรือ Campylolacter เชื้อไวรัส เชื้อบิด รวมถึงพยาธิต่างๆ ด้วย นอกจากนี้กลไกการทำงานของระบบลำไส้ของน้องแมวเองก็มีส่วน ควรทำการตรวจรักษาและนำกลับมาดูแลอย่างเหมาะสม
การป้องกันไม่ในเกิดท้องเสียในแมว
หากเป็นเรื่องของระบบภายในร่างกายของน้องแมวคงต้องใช้วิธีการรักษาตามที่สัตวแพทย์แนะนำ แต่หากเป็นสภาพแวดล้อมเราสามารถจัดการดูแลได้ เพราะสาเหตุหลักของการเกิดท้องเสียในแมวส่วนใหญ่มักมีต้นเหตุมาจากอาหารหรือสิ่งที่น้องแมวกินไปทั้งสิ้น
อาหารที่นำมาให้น้องแมวควรเป็นอาหารที่สะอาดและไม่ปล่อยทิ้งไว้นานจนก่อให้เกิดแบคทีเรียเข้าไปเจริญเติบโต ภาชนะที่นำมาใส่น้ำและอาหารมีการทำความสะอาดอยู่เสมอ รวมถึงระมัดระวังไม่ให้น้องแมวกินสิ่งที่เป็นพิษกับร่างกาย อย่างเช่น น้ำยาต่างๆ ที่เราถูพื้นหรือล้างห้องน้ำ เพราะแมวบางตัวชอบเลียน้ำตามพื้นมากกว่าไปกินในบริเวณที่เราจัดไว้ให้เสียอีก ซึ่งเรื่องนี้อาจแก้ไขโดยการเพิ่มจุดวางน้ำ เพื่อให้น้องแมวสะดวกในการดื่มน้ำ นอกจากนี้ในบางบ้านที่เปลี่ยนอาหารแมวควรค่อยๆ เปลี่ยนโดยผสมกับอาหารเดิมจากน้อยไปมากอย่างน้อยเป็นเวลา 7 วัน
จากวิธีที่กล่าวมาอาจไม่ใช่วิธีที่จะรับประกันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าน้องแมวจะไม่เกิดท้องเสียขึ้น แต่วิธีการเหล่านี้ช่วยให้มีโอกาสเสี่ยงที่น้อยลง เพียงแค่เรามักใส่ใจและดูแลน้องแมวให้เหมือนกับที่เราดูแลตัวเองหรือดูแลคนที่เรารัก เท่านี้ก็เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องเสียในแมวได้ในระดับหนึ่งแล้ว
